เจ้าเมืองสังฆะ

เจ้าเมืองสังฆะ

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สภาพทางภมูิศาสตร์และประชากร

สภาพทางภมูิศาสตร์อำเภอสังขะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้ง 14 องศา 20 ลิปดา - 14 องศา 45 ลิปดาเหนือ เส้นแวง 103 องศา 40 ลิปดา - 104 องศาตะวันออก ลักษณะที่ตั้งของอำเภอสังขะ อยู่ห่างจากจังหวัดสุรินทร์ประมาณ 51 กิโลเมตร พื้นที่เป็นที่ราบ ผลจากของการยกตัวของเปลือกโลก ทำให้พื้นที่ของอำเภอสังขะ สูงทางด้านทิศใต้และลาดเอียงสู่ทิศเหนือ ดังนั้นลำน้ำจึงไหลจากทิศใต้ไปทางทิศเหนือลงสู่แม่น้ำมูล อำเภอสังขะไม่มีลำน้ำขนาดใหญ่มีเพียงลำห้วย คือ ลำห้วยทับทัน และลำห้วยเสน นอกนั้นเป็นลำห้วยที่มีน้ำเฉพาะฤดูฝนเนื่องจากพื้นที่ลาดเอียงมาก เมื่อฝนตกน้ำจึงไหลลงไปสู่ที่ต่ำหมด พื้นที่จึงไม่สามารถรับน้ำหรือเก็บกักน้ำได้โดยธรรมชาติ

ประชากรดั้งเดิมอำเภอสังขะ มีชนกลุ่มใหญ่อยู่สองกลุ่ม คือ กลุ่มชนชาวส่วยหรือกูย และกลุ่มชนชาวเขมร ส่วนชุมชนลาวจะเป็นชุมชนเข้ามาตั้งรกรากใหม่ หมู่บ้านที่เกิดขึ้นใหม่ไม่เกิน 60 ปี จะประกอบไปด้วยชุมชนชาวลาว กูย และเขมรรวมกัน ประชากรทั้งสามกลุ่มจะผูกพันกันทางสังคม โดยต่างเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและผูกพันกัน ประสานความเป็นพี่น้องกันอย่างแนบแน่นด้วยการเกี่ยวพันธ์กันในการทางแต่งงาน จึงมีการผสมผสานกันอย่างกลมกลืน ไม่เคยพบปัญหาของการใช้ภาษาที่ต่างกันแต่อย่างไร รวมถึงประเพณีวัฒนธรรมต่าง ๆ

ประวัติความเป็นมาของเจ้าเมืองสังฆะ

เมืองสังฆะ เดิมเรียกว่า บ้านโคกอัจจะ (หรือบ้านดงยาง) ในสมัยกรุงศรีอยุธยารัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมือง พระราชทานนามว่า เมือง-สังฆะ มีพระยาสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ (เชียงฆะ-หลวงเพชร) เป็นเจ้าเมืองคนแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2306 และคงดำรงฐานะในเมืองเรื่อยมาจนกระทั่งถึง พ.ศ. 2450 จึงถูกส่งเป็นอำเภอเรียกว่า อำเภอสังขะ ขึ้นกับจังหวัดสุรินทร์ มาจนปัจจุบันนี้ สมัยเป็นเมืองสังฆะ มีเจ้าเมืองดังนี้
พระยาสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ (เชียงฆะ) เจ้าเมืองสังฆะคนที่ 1
พระยาสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ (ท้องด้วง) เจ้าเมืองสังฆะ คนที่ 2
พระยาสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ (ทองอินทร์) เจ้าเมืองสังฆะ คนที่ 3
พระสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ (นุต) เจ้าเมืองสังฆะ คนที่ 4
พระยาสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ (ทองดี) เจ้าเมืองสังฆะ คนที่ 5 หรือพระสังฆะศักดิ์สุนทรเขต ผู้ว่าราชการเมือง


ประวัติเมืองสังขะ

ปี พ.ศ. 2302 รัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์แห่งกรุงศรีอยุธยา พระยาช้างเผือกได้แตกโรงจากเมืองหลวงไปอยู่ในป่าดง แขวงเมืองพิมาย เซียงฆะ (หัวหน้าหมู่บ้านโคกอัจจะ) และหัวหน้าหมู่บ้านคนอื่นได้อาสาไปติดตามช้างเผือกกลับมาได้ จึงทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเซียงฆะเป็น "พระสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ" และยกฐานะบ้านโคกอัจจะเป็นเมืองสังฆะให้ปกครองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2306-2321 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นแม่ทัพยกไปทางบกสมทบกับกองกำลังเกณฑ์เมืองสุรินทร์ เมืองสังฆะ และเมืองขุขันธ์ ยกไปตีนครจำปาศักดิ์และเวียงจันทน์ได้ พระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนตำแหน่งเจ้าเมืองทั้ง สามขึ้นเป็นพระยา พ.ศ. 2349 ยกฐานะเมืองทั้ง 3 ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2371 โปรดเกล้าฯ ให้พระสังฆะฯ (ทองด้วง) เป็นเจ้าเมืองขุขันธ์แทนเจ้าเมืองขุขันธ์ซึ่งถูกกบฏจับฆ่าเสีย
พ.ศ. 2450 มณฑลอีสานแบ่งออกเป็น 4 บริเวณ สำหรับบริเวณสุรินทร์มีเมืองในบังคับบัญชา 2 เมือง คือ เมืองสุรินทร์และเมืองสังฆะ เมืองสังฆะแบ่งเป็น 3 อำเภอ คือ อำเภอสังขะ อำเภอศีขรภูมิ และอำเภอจงกัลป์ พ.ศ. 2455 มณฑลอีสานถูกแบ่งเป็นมณฑลอุบลราชธานีและมณฑลร้อยเอ็ด มณฑลอุบลราชธานีมีเมืองในสังกัด 3 เมือง คือ เมืองอุบลราชธานี เมืองขุขันธ์ และเมืองสุรินทร์ ส่วนเมืองสังขะถูกยุบเหลืออำเภอสังขะ และย้ายที่ตั้งอำเภอไปตั้งที่บ้านเขวา ขึ้นจังหวัดสุรินทร์มาจนทุกวันนี้การตั้งอำเภอสังฆะขึ้นที่บ้านเขวาไม่ทราบเหตุใดจึงได้เปลี่ยนการเขียนจาก "สังฆะ" เป็น "สังขะ"